น่าน – การยางแห่งประเทศไทย หนุน “น่าน” นำร่องภาคเหนือ เดินหน้าโครงการชะลอการซื้อขายยางและรณรงค์ขายยางก้อนแห้ง เพื่อแก้สารพัดปัญหาสิ่งแวดล้อม และยังได้ราคาดี

นางสาวอรอนงค์ อารินวงศ์ กรรมการการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) พร้อมด้วย นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ด้านธุรกิจและปฏิบัติการ เป็นประธานในการประชุมโครงการชะลอการขายยางของสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางเขต ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งที่จะส่งเสริมให้มีการพัฒนาคุณภาพการผลิต และควบคุมไม่ให้ปริมาณยางพาราออกสู่ตลาด โดยสนับสนุนเงินทุนเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ในการเก็บรักษายางพาราไว้รอขายในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม ลดความผันผวนราคายางให้มีเสถียรภาพมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาน้ำยางหกเลอะถนนและผิวจราจรระหว่างการขนส่ง ทำให้ถนนลื่นเกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย

โดยมี นายสไว นารีพล ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทยเขตภาคเหนือ นายอนิรุทธิ์ สังยวน ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทยจังหวัดน่าน และผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทยทุกจังหวัดของภาคเหนือ คณะกรรมการเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง กยท.ระดับเขตภาคเหนือ ตัวแทนสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางเขตภาคเหนือ ผู้แทนสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางจังหวัดน่าน เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมวัดสวนตาล อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ก่อนลงพื้นที่พบปะเกษตรกรชาวสวนยาง เพื่อแลกเปลี่ยน แนะนำและเสนอแนะข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้กับเกษตรกร ณ สวนยางพารา บ้านน้ำใส ต.ฝายแก้ว อ.ภูเพียง จ.น่าน

นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ด้านธุรกิจและปฏิบัติการ กล่าวว่า สถานการณ์ราคายางพาราพุ่งสูงขึ้น และมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้มีปัจจัยจากเศรษฐกิจของประเทศจีนที่เริ่มดีขึ้น อุตสาหกรรมยานยนต์เริ่มกลับมาผลิต อีกส่วนหนึ่งคือสถานการณ์โรคโควิด-19 ทำให้การใช้ชีวิตของประชาชนทั่วโลกได้ให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพ โรงงานผลิตถุงมือยางมีการขยายตัว เป็นปัจจัยช่วยทำให้ยางพารา มีราคาขยับสูงขึ้น สำหรับโครงการชะลอการขายยางของสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางเขตภาคเหนือ โดยจังหวัดน่านเป็นพื้นที่นำร่องโครงการ ที่ได้ดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม2563 ไปจนถึงเดือนกรกฏาคม 2564 เป็นโครงการที่เข้ามาหนุนเสริมให้เกษตรกรมีกำลังต่อรองกับผู้ประกอบการ จากที่ ในอดีตเมื่อนำยางไปขายที่ตลาด ราคาเท่าไหร่ก็ต้องขาย ต่อไปนี้หากราคายางไม่เป็นที่พอใจ และยังไม่อยากขาย เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการฯ สามารถนำเงินไปใช้ก่อน 80 เปอร์เซ็นต์ แต่เก็บรักษายางไว้ที่สวน เพื่อรอขายในช่วงเวลาที่เหมาะสม เป็นโครงการที่ตอบสนองตรงต่อความต้องการของเกษตรกร โดยเฉพาะเกษตรกรชาวสวนยางในเขตภาคเหนือซึ่งส่วนใหญ่ขายผลผลิตในรูปยางก้อนถ้วย

นอกจากนี้การยางแห่งประเทศไทยมีเงินอุดหนุนให้สำหรับสถาบันเกษตรกร ในการปรับปรุงสวนยางหรือสถานที่เก็บยางก้นถ้วยของเกษตรกรให้ได้มาตรฐานอีกด้วย ด้าน นางสาวอรอนงค์ อารินวงศ์ กรรมการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำยางถ้วยแห้ง ซึ่งนอกจากจะสามารถเก็บไว้รอขายในช่วงเวลาที่เหมาะสม ได้ราคาดีแล้ว ยังช่วยลดปัญหากลิ่นเหม็น และน้ำยางหกเลอะบนถนนและผิวจราจรระหว่างขนส่ง ซึ่งทำให้ถนนลื่น และเกิดอุบัติเหตุอย่างที่ผ่านมาได้ดีอีกด้วย โดยเกษตรกรกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของจังหวัดน่าน มีความสนใจการทำยางก้อนแห้ง เชื่อมั่นว่าปัญหาเรื่องอุบัติเหตุและมลภาวะสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากน้ำยางจะหมดไป
