
เกษตรกรชาวไทย หากขยันทำมาหากิน คิดแตกต่างจากคนอื่น มองตลาดเป็น พลิกผื่นไร่นาปลูกพืชผักสวนครัวที่ไม่มีคู่แข่ง รับรองไม่มีจน เช่นเดียวกับ”ป้าส้มลิ้ม แสงอรุณ” อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 386 ม.3ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นเกษตรกรหลายคนที่ยึดติดการทำเกษตรเลือกปลูกผักตามฤดูกาลและได้ผลเกินคาด มีให้เห็นอยู่ไม่น้อย ปลูกเอง – ขายเอง เน้นปลูกผักปลอดสาร ยิ่งขายคล่องราคาก็ถูกกว่าท้องตลาด จนผลผลิตไม่พอขาย หรือแต่ละวันมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,500 บาท

ป้าส้มลิ้ม บอกว่า เลือกปลูกผักไม่ว่าหน้าแล้งหน้าฝน ไม่เน้นปลูกมาก ปลูกตามกำลัง ปลูกเป็นรุ่นๆ แบบทยอยปลูก 7 วัน/ครั้ง ปลูกรุ่นต่อไปในแต่ละรุ่นใช้พื้นที่แค่ 2 งาน และไม่เกิน 2 ไร่ ปลูกเว้นระยะในการปลูก ยิ่งทำง่ายทั้งรดน้ำและดูแล ตลอดจนส่งขายตามตลาดใกล้บ้าน
ป้าส้มลิ้ม แม้จะอายุมากแล้ว ลูกๆจะไม่ให้ทำงานแต่ก็ยังทำ เพราะว่าต้องกินต้องใช้ทุกวัน ยังไม่ต้องพึ่งลูกๆ ซึ่งการเลือกมะเขือยาวเนื่องจากเห็นว่า มะเขือยาว เป็นพืชที่ดูแลไม่ยาก ปลูกง่าย ราคาค่อนข้างดี โดยเลือกสายพันธุ์ที่ดีมีคุณภาพมาปลูก แค่ซื้อเมล็ดพันธุ์จากท้องตลาดมาเพาะลงดิน ก่อนที่จะนำต้นมะเขือยาวลงมาปลูก จะปรับปรุงบำรุงดินด้วยการใส่ปุ๋ยขี้ไก่ลงไปช่วยด้วย เมื่อต้นโตก็ถอนออกปลูกระยะแถวห่าง 50 ซม.ต้นห่าง 30 ซม.ยกร่องสูง 25 ซม.

รดน้ำใช้น้ำจากบ่อบาดาลที่ขุดไว้ในสวน ต่อท่อเมนไว้ปล่อยน้ำใส่ร่องแปลง 25-30 วัน มะเขือก็จะเริ่มออกลูก ใส่ปุ๋ยคอก ขณะปลูกรดน้ำวันเว้นวัน ข้อดีของการปลูกมะเขือยาวหน้าแล้งคือ แมลงจะไม่กวน ผลยาวและใหญ่มาก ข้อสำคัญต้องหมั่นเด็ดใบทิ้งบ้างไม่ให้แบ่งอาหารกิน
มะเขือยาว จะเริ่มเก็บได้เมื่ออายุประมาณ 2 เดือนครึ่ง ป้าส้มลิ้มจะเก็บมะเขือยาวตั้งแต่เช้ากับลูกๆที่มาช่วยดูแล พอเราตัดไปเรื่อยๆ มันก็จะแตกกิ่งใหม่ เราก็จะได้ผลมาตัดขายได้เรื่อยๆ พร้อมกันนั้น ตนเองมีหน้าที่ขาย หลังจากเก็บผลผลิตครั้งละ45-50 กก. มะเขือยาว เป็นพืชที่ราคาไม่ค่อยเคลื่อนไหว ราคาค่อนข้างนิ่ง ราคาขาย กก.ละ20 บาท ทั้งขนาดใหญ่ และเล็กปนกัน เป็น ลูกๆ ก็แบ่งขาย ในราคาลูกละ 5 บาท กับ 7 บาท (เล็ก-ใหญ่) ขายโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางก็จะช่วยในเรื่องของการถูกกดราคาได้ค่อนข้างมาก มีรายได้ในครัวเรือน วันละ 1,500 บาท คิดเป็นรายเดือนราว50,000 -60,000 บาท/เดือน นับว่าเป็นเงินไม่น้อยเลย

การทำเกษตรตอนแก่ ก็ไม่ใช่ปัญหาของป้าส้มลิ้ม แม้จะเก็บผักใส่รถไสเข็นจากสวนเดินมาขายที่ตลาดนัด ระยะทาง 2 กม.ไม่ใช่ปัญหาเลยเป็นการออกกำลังในตัวอีกทางหนึ่ง ไม่รู้สึกเหนื่อย ยิ่งเห็นเงินทำให้มีแรงทำงานต่อไป การทำเกษตรจึงเป็นงานอิสระที่เขาบอกว่าทำแล้วมีความสุข เพราะสามารถเป็นผู้กำหนดเรื่องเวลาการทำงานได้ ถ้าอยากมีรายได้มากก็สามารถทำให้มีผลผลิตที่มากขึ้น ถึงเหนื่อยแต่ก็คุ้มค่ากับแรงที่ลงทุนไป