เกษตรกรผู้ไร่มันสัมปะหลังเสิงสางโคราชขาดทุนยับเนื่องจากโรคใบด่างระบาดอย่างหนักทำให้ผลผลิตเสียหายกว่า 80%จากพื้นที่เพาะปลูกรวมทั้งหมดกว่า 90,000 ไร่

หลังจากได้รับแจ้งจากเกษตรกร นายสานิตย์ ศรีทวี นายอำเภอเสิงสาง จ.นครราชสีมา พร้อมคณะลงพื้นที่สำรวจไร่มันสำปะหลังของเกษตรกรในพื้นที่อำเภอเสิงสาง พบว่า ในพื้นที่เกิดการระบาดอย่างหนัก ของโรคไวรัสใบด่างในมันสำปะหลัง ทำให้ผลผลิตของเกษตรกร เสียหายไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ โดยมันสำปะหลังที่เป็นโรคใบด่างหัวมันจะมีขนาดเล็ก เป็นรากฝอย ขายไม่ได้ราคา ทำให้เกษตรกรต้องขาดทุนย่อยยับ จึงต้องเร่งรณรงค์เกษตรกรเว้นการปลูกมันสำปะหลัง แล้วหันไปปลูกพืชชนิดอื่นแทนเป็นการชั่วคราว เพื่อตัดวงจรการระบาดของโรค

นายสานิตย์ กล่าวว่า อำเภอเสิงสางมีพื้นที่การเกษตรส่วนใหญ่ปลูกมันสำปะหลัง ประมาณ 140,000 ไร่ และจากรายงานล่าสุด พบว่า มีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังและติดเชื้อโรคใบด่างรวมกว่า 90,000 ไร่ หรือประมาณร้อยละ 60 ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด ซึ่งกระจายอยู่ในทุกตำบลของอำเภอเสิงสาง จึงถือว่าเป็นปัญหารุนแรงที่ต้องแก้ไขเป็นการเร่งด่วน

ทั้งนี้ยหากไร่มันสำปะแปลงใด เกิดการระบาดของโรค ผลผลิตก็จะเสียหายไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจากเดิมเคยได้ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 6 ตัน จะเหลืออยู่ไม่ถึง 1 ตัน ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาได้ให้ความสำคัญอย่างมาก จึงได้ระดมสมองทุกฝ่ายเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาไปยังรัฐบาล อาทิ ขอให้มีการกำหนดเงินค่าชดเชยแก่เกษตรกรที่ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ในการทำลายต้นพันธุ์มันสำปะหลังที่ติดโรคไร่ละ 5,160 บาท โดยจะต้องพร้อมใจกันทำลายพร้อมๆกัน เพื่อตัดวงจรการระบาดของโรค รวมถึง เรื่องการห้ามย้ายท่อนพันธุ์ในพื้นที่ที่เกิดการระบาดอย่างเด็ดขาด

อย่างไรก็ตามในส่วนนี้ได้มีประกาศคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง ในพื้นที่อำเภอเสิงสางทั้งอำเภอ โดยห้ามขนพันธุ์มันสำปะหลังออกจากพื้นที่อย่างเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นขณะนี้ทางจังหวัดกำลังเตรียมจัดหาท่อนพันธุ์สะอาดและต้านทานโรค มาทดแทนต้นพันธุ์ที่ต้องทำลายทิ้งเพื่อให้การระบาดของโรคหยุดลงให้ได้

