“พลังงาน” ผนึก “สาธารณสุข” และมูลนิธิแพทย์ชนบท” ยกโมเดล รพ.จะนะ เมืองสงขลา ต้นแบบติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ลดต้นทุนพลังงาน ชุบชีวิตคนฐานราก นำร่อง 8 รพ.ชนบท ก่อนขยาย 77 จังหวัดทั่วไทย
นายอนุทิน อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า สธ.พร้อมเดินหน้าให้การสนับสนับโรงพยาบาลชนบททั่วประเทศในการภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในทุกมิติเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วยฐานรากด้วยการเข้าไปสนับสนุนโรงพยาบาลติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ “ไฟจากฟ้า”
ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าให้กับโรงพยาบาลได้มหาศาลต่อปีโดยนำต้นแบบจากโรงพยาบาลจะนะ จ.สงขลา ที่ประสบความสำเร็จในการนำพลังงานจากแสงอาทิตย์มาลดต้นทุนค่าใช้จ่ายไฟฟ้าสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับชีวิตให้กับทีมบุคลาการทางการแพทย์และผู้ป่วยทำให้ทางสธ.นำโมเดลดังกล่าวมาเป็นต้นแบบนำร่อง 8 โรงพยาบาลชนบท จากนั้นจะสนับสนุนให้ครอบคลุมโรงพยาบาล 77 จังหวัดทั่วประเทศ

“ในแต่ละปีโรงพยาบาลมีภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานโดยเฉพาะค่าไฟฟ้าจำนวนมากการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้กับโรงพยาบาล และนำงบประมาณรายจ่ายค่าไฟฟ้าที่เหลือจ่ายจากการจ่ายค่าไฟฟ้าน้อยลงไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆ เช่น การซื้ออุปกรณ์การแพทย์ จัดหาเวชภัณฑ์ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคลากรทางการแพทย์ สนับสนุนระบบสาธารณสุขของประเทศให้มีความพร้อมรับทุกสถานการณ์อุบัติเหตุโรคใหม่และยังให้บริการผู้ป่วยได้อย่างมีศักยภาพ” นายอนุทิน กล่าว
ด้านนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศต่างๆ ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญต่อพลังงานสะอาด และมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามความตกลงปารีส หรือ COP 21 ที่มีเป้าหมายจะรักษาระดับอุณหภูมิเฉลี่ยโลกให้สูงขึ้นไม่เกิน 2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับอุณหภูมิโลกในยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม

สำหรับของประเทศไทย ตาม NDC (Nationally Determined Contribution) ที่เสนอไปนั้น กำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ร้อยละ 20-25 หรือจำนวน 111-139 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ภายในปี 2573
รมว.พลังงาน กล่าวอีกว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้มีการขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจและด้านพลังงานให้ตอบโจทย์ทิศทางของโลกและข้อตกลงดังกล่าวอย่างชัดเจน ทั้งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านโมเดล BCG ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจใน 3 ด้าน คือ “ด้านเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว”

และตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 – 2580 ก็ได้กำหนดเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนให้ได้ร้อยละ 37 ภายในปี 2580 จะสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ และส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงพลังงานสะอาด ช่วยลดมลพิษทางอากาศ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อนำไปสู่ความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืนให้กับประเทศ
ที่สำคัญก็คือ เกิดพลังความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคประชาชนที่สอดประสานกับทิศทางนโยบายเศรษฐกิจสีเขียวของรัฐบาลและนโยบายการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนของกระทรวงพลังงานเพื่อนำไปสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามข้อตกลงปารีสร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมอีกด้วย

ขณะที่นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า กกพ.เดินหน้าต่อยอดความสำเร็จของรโรงพยาบาลจะนะในการติดตั้งแผลโซล่าเซลล์ลดต้นทุนค่าไฟฟ้า ด้วยกรจัด แคมเปญ “Clean Energy for Life ใช้พลังงานสะอาด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน”
เกิดขึ้นจากการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ.2550 ตามมาตรา 97 (5) เพื่อต้องการสร้างความตระหนักรู้เรื่องพลังงานสะอาดให้กับประชาชน และสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนหันมาตระหนักเรื่องประโยชน์ของการใช้พลังงานสะอาดในชีวิตประจำวันให้มากขึ้น ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ สำนักงาน กกพ. โดยกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ได้ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2562 และได้ต่อยอดมาสู่การสร้างโอกาสให้ทุกคนได้เข้าถึงพลังงานสะอาด

ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง กกพ. กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุข และมูลนิธิแพทย์ชนบท ผ่านกิจกรรม “101 วัน จากแสงแรกสู่โรงพยาบาลไฟจากฟ้า ซึ่งจะนำร่องการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับ 8 โรงพยาบาล ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่
โรงพยาบาลไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี
โรงพยาบาลบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ
โรงพยาบาลอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
โรงพยาบาลขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ
โรงพยาบาลย่านตาขาว จังหวัดตรัง
โรงพยาบาลหลังสวน จังหวัดชุมพร
โรงพยาบาลบ้านบึง จังหวัดชลบุรี
โรงพยาบาลปลวกแดง จังหวัดระยอง
นายเสมอใจ กล่าวอีกว่า การติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ที่มีกำลังผลิต 100 กิโลวัตต์ จะช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าของโรงพยาบาลได้ถึงเดือนละประมาณ 60,000 บาท ดังนั้นในระยะเวลา 1 ปี โรงพยาบาลจะลดภาระค่าไฟฟ้าได้ราว 720,000 บาท โดยแผงโซลาร์เซลล์จะมีอายุการใช้งานประมาณ 25 ปี จึงช่วยโรงพยาบาลลดภาระค่าไฟฟ้าได้ถึงประมาณ 18 ล้านบาท
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายจะดำเนินการทั้งหมด 77 โรงพยาบาล 77 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการขยายไปพื้นที่อื่นๆ เช่น ชุมชน และ โรงเรียน ในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้ทุกคนได้เข้าถึงการใช้พลังงานสะอาดเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกันตามวัตถุประสงค์ของโครงการต่อไป